วันศุกร์ที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๒.๓๐ นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น ๑ อาคารรัฐสภา

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ประธานคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษา

ผลกระทบจากการประกอบธุรกิจออนไลน์และการทำธุรกรรมผ่านช่องทาง
อิเล็กทรอนิกส์ รับยื่นหนังสือจากนายภัทรพร โพธิ์สุวรรณ์ นายกสมาคมการค้า

เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่ เพื่อยื่นข้อเสนอแนะ

ในการปกป้องธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากแพลตฟอร์มต่างชาติ

อาทิ Grap Line Gojek ซึ่งเป็น Super App หรือแอปพลิเคชั่นที่ครอบคลุมทุกบริการ
มีข้อมูลมากเพียงพอที่จะสามารถยึดครองตลาดบริการแผนธุรกิจท้องถิ่นและ
เข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคจนสามารถนำเสนอสินค้าด้านการเงินโดยตรง
ได้ด้วยตนเอง รวมไปถึงกลุ่ม OTAs (Online TravelAgents) หรือเว็บไซต์
ที่ให้บริการด้านการจองที่พักตั๋วเครื่องบิน และบริการด้านการท่องเที่ยวโดยตรง
ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจของประเทศไทย โดยสมาคมฯ ขอเสนอมาตรการ
ดังนี้
๑. กำหนดสัดส่วน E-Marketplace การขายสินค้าของบริษัทต่างประเทศ
ให้มีความชัดเจน
๒. สนับสนุนให้สินค้าในประเทศสามารถนำไปขายที่ประเทศอื่นได้มากขึ้น
๓. รัฐบาลควรสร้างกฎหมาย Antitrust Law ซึ่งเป็นการสนับสนุน
การแข่งขันและป้องกันไม่ให้เกิดผู้นำตลาดเพียงผู้เดียว หากเกิดกรณีมีสินค้า
เพียงเจ้าเดียวในตลาด รัฐบาลควรเรียกเก็บภาษีจำนวนมากเพื่อสนับสนุนให้
ผู้นำตลาดต้องการแข่งขันในตลาดที่เป็นธรรมมากขึ้น
๔. ควรมีนโยบายสนับสนุนการใช้บริการธุรกิจและสตาร์ทอัพไทย เช่น
ลดภาษีการค้า รับการซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการดิจิทัล
ของไทย และนำภาษีที่เก็บจากแพลตฟอร์มต่างประเทศ มาสนับสนุนธุรกิจ
สตาร์ทอัพไทยและธุรกิจไทย อย่างไรก็ตามปัจจุบันนโยบายการสนับสนุน
สตาร์ทอัพไทยยังคงไม่ตอบโจทย์การเป็นผู้ประกอบการเทคโนโลยี ซึ่งนับว่า
เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้สตาร์ทอัพไทย ไม่สามารถแข่งขัน
กับนานาประเทศได้ อันสังเกตได้จากแพลตฟอร์มและการบริการรายใหญ่
ในประเทศไทยล้วนแต่เป็นบริการของต่างชาติส่งผลให้ทรัพยากร
ในประเทศรั่วไหลเป็นจำนวนมากรวมไปถึงข้อมูลของคนไทย ซึ่งเป็น
สินทรัพย์ที่มีค่าอย่างยิ่งต่อภาครัฐและเอกชนทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ดังนั้น ทางสมาคมฯ จึงได้หารือร่วมกับสตาร์ทอัพไทย และมีข้อเสนอแนะ
เชิงนโยบายในการสนับสนุนและส่งเสริมสตาร์ทอัพไทย ดังนี้
๑. ควรมีนโยบายกระตุ้นการใช้บริการสตาร์ทอัพไทย
๒. ควรมีนโยบายเพิ่มข้อได้เปรียบในการทำการค้าสำหรับสตาร์ทอัพไทย
๓. ควรมีนโยบายปลดล็อกทางกฎหมายเพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจการสตาร์ทอัพ
ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติกล่าวว่า จะนำข้อเสนอดังกล่าว
ไปพิจารณาและศึกษาอย่างรอบคอบ จากนั้นจะทำเป็นข้อสรุปและ
ข้อเสนอแนะเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำส่งไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป