ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้การต้อนรับ สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย - จีน และคณะข้าราชการผู้ได้รับทุนการศึกษาจากกระทรวงแนวร่วมคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน

วันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2567 เวลา 10.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุมสัมมนา B1 - 4 ชั้น B1 อาคารรัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้การต้อนรับ สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย - จีน และคณะข้าราชการผู้ได้รับทุนการศึกษาจากกระทรวงแนวร่วมคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน นำโดย นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และประธานคณะกรรมการทุนการศึกษาของสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย - จีน ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะเพื่ออำลา และขอรับโอวาทก่อนเดินทางไปศึกษาต่างประเทศ ในการนี้ นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร นายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร คณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ร่วมให้การต้อนรับ

โอกาสนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวให้โอวาทใจความตอนหนึ่งว่า ในนามของรัฐสภา มีความรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับคณะกรรมการสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย - จีน ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ศิษย์เก่าและนักเรียนทุนข้าราชการ มหาวิทยาลัยหัวเฉียว สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่จะได้มีโอกาสการเดินทางไปศึกษาภาษาจีน ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยขอถือโอกาสนี้แสดงความยินดีกับคณะนักเรียนทุนข้าราชการทุกท่าน และขอขอบคุณคณะกรรมการสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย - จีน ที่ได้ดำเนินโครงการเพื่อนำข้าราชการไปศึกษาต่อ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยโครงการที่จัดขึ้นเป็นผลมาจากความร่วมมืออันดีระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นเวลา 20 ปี มีข้าราชการไทยที่เข้าร่วมโครงการและสำเร็จการศึกษาแล้ว 1,000 คน ถือว่าท่านเป็นผู้ที่มีความโชคดีเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหลายท่านเป็นข้าราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งน่าจะอยู่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เนื่องจากประเทศจีนมีความสำคัญอย่างยิ่งกับการท่องเที่ยวของประเทศไทย และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น ตำรวจที่ได้รับทุนจะสามารถนำมาภาษาจีนกลับมาใช้ประโยชน์ในเรื่องการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างมาก สำหรับข้าราชการฝ่ายอื่น ๆ ที่ได้โอกาสไปเรียนรู้ภาษาก็เช่นเดียวกัน นอกจากนั้น ระยะเวลาหนึ่งปีที่ท่านได้ไปอยู่ในประเทศจีน ท่านคงได้ประสบการณ์ และเรียนรู้วัฒนธรรมการใช้ชีวิตของชาวจีนในทุกมิติ ซึ่งต้องชื่นชมว่าประเทศจีนมีการพัฒนาประเทศอย่างอย่างรวดเร็ว ในระยะไม่กี่ปีสามารถขจัดหรือลดความเหลื่อมล้ำ ตลอดจนแก้ไขปัญหาเรื่องความยากจนได้เป็นอย่างดี

การได้ไปเรียนรู้ภาษาที่หลากหลายเป็นสิ่งที่ดีและถือเป็นการสร้างมูลค่าหรือคุณค่าให้แก่ตนเองมากยิ่งขึ้น ยิ่งท่านทำงานประสบความสำเร็จมากเท่าไร ก็ยิ่งจะมีความก้าวหน้ามากขึ้นเท่านั้น แต่ยิ่งไปกว่านั้น หากท่านรู้มากกว่าคนอื่นในหน่วยงานจะยิ่งมีความภาคภูมิใจ ทั้งนี้ ต้องขอบคุณคณะกรรมการสมาคมวัฒนธรรมไทย - จีน ตลอดจนรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนที่ได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้นมา และแม้ว่าจะมีการมอบทุนการศึกษาให้จำนวนเกือบ 100 คน แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการและความสนใจของผู้ที่ต้องการศึกษาภาษาจีน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้จากประเทศที่จีนว่าเขามีวิธีการดำเนินงานและวิธีคิดอย่างไรในการขับเคลื่อนประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว และสิ่งที่สำคัญคือเราจะนำความรู้และประสบการณ์เหล่านั้นกลับมาพัฒนาบ้านเมืองได้อย่างไร รวมทั้ง ขอฝากให้สมาคมฯ พิจารณามอบทุนให้กับครูที่มาความสามารถด้านภาษาจีน ได้ไปเรียนกับเจ้าของภาษาโดยตรงจะเป็นการดียิ่ง และถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ประเทศไทยจะได้ครูที่มีความรู้ความเข้าใจภาษาจีนเป็นอย่างดี ประเทศจีนเองก็จะได้ผู้ช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมอีกทางหนึ่ง ในส่วนตัว หากมีโอกาสก็จะเดินทางไปเยือนในฐานะประธานรัฐสภา เป็นครั้งที่ 2 เพื่อเข้าพบประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีความเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่และมีแนวคิดกว้างไกลที่สามารถนำพาประเทศให้เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ในการนี้ ขอขอบคุณผู้บริหารทุกท่าน และผู้ที่ได้ทุนการศึกษาจากประเทศจีน ซึ่งถือเป็นผู้แทนของประเทศไทย จะทำอะไรก็แล้วแต่ขอให้ทำในสิ่งที่ดีงามเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมและชื่อเสียงของประเทศไทยให้กับเพื่อนของเรา และขออวยพรให้ทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ มีความสุขในการเรียนรู้ในประเทศจีน และนำสิ่งดี ๆ ที่เรียนรู้กลับมาเพื่อเป็นประโยชน์แก่ทั้งตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติบ้านเมืองสืบไป

สำหรับโครงการดังกล่าวจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2545 จากผลการหารือข้อราชการระหว่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี กับนายเจียง เจ๋อหมิน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งสองฝ่ายได้หาความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ในหลายเรื่อง และหนึ่งในนั้น คือความร่วมมือด้านการศึกษาที่ประเทศไทยจะสนับสนุนให้มีการใช้ภาษาจีนเป็นภาษาที่สองของอาเซียน ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นเวลา 20 ปี มีข้าราชการจบการศึกษามาแล้ว 1,000 คน ในจำนวนนี้เป็นข้าราชการตำรวจ 380 คน และได้กลับมารับราชการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกันประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง สำหรับปีการศึกษา 2567 กระทรวงแนวร่วมพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ได้จัดทุนการศึกษา จำนวน 62 ทุน โดยได้ทำการคัดเลือกข้าราชการจากทุกหน่วยราชการเรียบร้อยแล้ว และมีกำหนดการเดินทางไปศึกษาภาษาจีนที่มหาวิทยาลัยหัวเฉียว เมืองเซียะเหมิน ประเทศจีน ในช่วงปลายเดือน ก.ย. 67