เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 66 เวลา 11.00 น. ณ ห้องรับรองพิเศษ 205 ชั้น 2 โซนกลาง อาคารรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้การรับรอง นายแพทริก เฮมเมอร์ (H.E. Mr. Patrick Hemmer) เอกอัครราชทูตราชรัฐลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาไทยกับราชรัฐลักเซมเบิร์ก โดยมี นายสุรบถ หลีกภัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา นายวิวัฒน์ มุ่งการดี ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร น.ส.ผ่องศรี  ธาราภูมิ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร  และนายอาพล  นันทขว้าง ผู้อำนวยการสำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ร่วมให้การรับรอง

นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวต้อนรับด้วยความยินดี และชื่นชมเอกอัครราชทูตฯ ที่เป็นคนเก่ง มีประสบการณ์มานาน พร้อมขอบคุณที่สถานเอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์กฯ เลือกประเทศไทยเป็นถิ่นพำนักของเอกอัครราชทูตฯ และกล่าวถึงไทยกับลักเซมเบิร์กมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเหมือนกัน มีความสัมพันธ์มายาวนานกว่า 60 ปี แต่ทั้งสองประเทศยังไม่มีกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาฯ ระหว่างกัน ซึ่งจะได้หารือถึงแนวทางการจัดตั้งกลุ่มมิตรภาพฯ ต่อไป ประธานรัฐสภายังได้กล่าวชื่นชมลักเซมเบิร์กที่มีบริการขนส่งมวลชนสาธารณะแก่ประชาชนชาวลักเซมเบิร์กและนักท่องเที่ยวโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นโครงการที่ดี สามารถนำมาปรับใช้ในไทยได้ นอกจากนี้ ยังได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2566 นี้ว่า ระบอบประชาธิปไตยไม่เพียงแต่การมีการเลือกตั้งเท่านั้น แต่ผู้นำและนักการเมืองต้องใช้หลักนิติธรรมในการบริหารบ้านเมืองด้วย จึงจะเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง สำหรับกรณีความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ประธานรัฐสภาได้เคยทำหนังสือไปยังเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อกระตุ้นให้สหประชาชาติแสดงบทบาทอย่างจริงจังในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ยุติโดยเร็ว

เอกอัครราชทูตฯ กล่าวถึงไทยกับลักเซมเบิร์กที่แม้ว่าจะอยู่ห่างไกล แต่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และกล่าวชื่นชมวัฒนธรรมไทยที่มีความงดงาม ผู้คนมีน้ำใจไมตรี ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตฯ พร้อมจะผลักดันความร่วมมือด้านการเงิน การสร้างเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การสร้างเศรษฐกิจสีเขียวกับไทยอย่างแข็งขันต่อไป สำหรับข้อตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป (FTA) ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว เชื่อมั่นว่าจะเป็นผลดีต่อการค้าการลงทุนระหว่างกันอย่างแน่นอน นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ ยังชื่นชมประธานรัฐสภาที่ได้ทำหนังสือไปยังเลขาธิการสหประชาชาติเพื่อให้ช่วยแก้ไขปัญหารัสเซีย-ยูเครนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

เครดิต : ข่าวโดยกลุ่มงานข้อมูลข่าวสารระหว่างประเทศ สำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร